วันจันทร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ตอน 5 : ดูตำแหน่งติดแอร์อย่างไรให้เวิร์ค

หลายๆ คนเวลาจะติดแอร์แล้วก็อยากจะรู้ว่าติดตรงไหนดี หรือควรเลี่ยงการวางตำแหน่งตรงไหนดี วันนี้เรามีทิปง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ดูตำแหน่งติดแอร์เองได้ มาดูกันว่าเราต้องดูอย่างไรบ้าง...

การติดแอร์จะมี 2 ส่วนด้วยกันคือติดแฟนคอยล์และคอนเด็นซิ่ง โดยเราจะเริ่มดูการวางแฟนคอยล์อันดับแรก มีวิธีดังนี้

การวางตำแหน่งแฟนคอยล์
  1. ไม่ควรติดแอร์ไว้เหนือเตียงนอนหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง เช่น ทีวี หรือ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น เพราะจะทำให้บริเวณนั้นสกปรก และบำรุงรักษาได้ยาก
  2. ควรหันหน้าแฟนคอยล์ทางลมเย็นออกให้ Flow ไปทางแนวยาวของห้อง ให้ห้องได้เย็นอย่างทั่วถึง
  3. ติดแฟนคอยล์ให้ลมเย็นแอร์เป่ามาทางช่วงข้างลำตัวของคนในห้อง ไม่ควรให้ลมแอร์เป่าไปทางศีรษะโดยตรงเพราะจะทำให้ไม่สบายได้
  4. ติดแฟนคอยล์ใกล้ทางที่มีคอมเพรสเซอร์วางอยู่เพราะจะทำให้ติดตั้งแอร์และซ่อมแซมได้ง่าย
  5. การวางแอร์สี่ทิศทางหรือแอร์ฝังในฝ้าควรวางตำแหน่งไว้ตรงกลางของห้องเพื่อให้ลมกระจายอย่างทั่วถึงทั้ง 4 ทิศทาง
หลังจากได้ตำแหน่งของแฟนคอยล์แล้ว คราวนี้เรามาดูฝั่งคอนเด็นซิ่งกัน

การวางตำแหน่งคอนเด็นซิ่ง
  1. วางคอนเด็นซิ่งในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี เป็นที่โปร่ง ไม่มีสิ่งของกีดขวางทางลมร้อนออก
  2. วางตัวเครื่องให้พ้นจากกำแพงออกมาประมาณ 10 ซ.ม.
  3. วางคอนเด็นซิ่งไว้ที่ชานระเบียงด้านนอก แต่ถ้าหากไม่มีระเบียงให้แขวนกับผนังด้านข้าง หรือหาพื้นที่แขวนที่โล่งๆ เพื่อที่ไม่ให้ลมร้อนตีกลับเข้าคอนเด็นซิ่งของเรา
  4. วางไว้ในที่ที่สามารถระบายความร้อนได้และสามารถส่งเสียงรบกวนได้โดยไม่รบกวนสิ่งต่างๆ รอบข้าง
  5. ควรยกคอนเด็นซิ่งให้เหนือพื้นดินอย่างต่ำ 10 ซ.ม. หรือให้เหนือจากระดับที่น้ำท่วมถึง และอยู่ในบริเวณที่บำรุงรักษาง่าย
  6. หลีกเลี่ยงการติดแอร์ในบริเวณที่มีโอกาสติดไฟ เพราะน้ำยาแอร์บางชนิดสามารถติดไฟบ้าง เราจึงควรเลี่ยงเอาไว้ก่อน (บทความ : ข้อแตกต่างของน้ำยาทำความเย็น R22 R410A และ R32 ที่ควรรู้!)
หลังจากที่เราได้รู้วิธีการวางตำแหน่งแอร์แล้ว ก็นำไปใช้กันได้เลย อยากรู้เรื่องแอร์เพิ่มเติมสามารถเข้ามาอ่านกันได้ที่ บทความเกี่ยวกับแอร์
หรือสนใจสินค้าแอร์ อยากปรึกษาเกี่ยวกับแอร์ เข้ามาดูได้ที่ http://www.networkcooling.com
โทร.081-8299628
หรือ Line มาที่ @networkair มี @ ด้วยนะ
เรายินดีให้คำปรึกษาเรื่องแอร์ :)

วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ตอน 4 : น้ำยาแอร์ R22, R32 และ R410A คืออะไร ต่างกันอย่างไร?


น้ำยาแอร์ หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Refrigerant คือสารเคมีที่เติมไว้ในแอร์เพื่อให้ระบบแอร์สร้างความเย็นแล้วปล่อยลมเย็นออกมาผ่านแฟนคอยล์ ปัจจุบันน้ำยาแอร์ที่ยังใช้กันอยู่นั้นมี 3 แบบด้ซึ่งก็คือ R22, R32 และ R410A โดยที่น้ำยาแอร์แต่ละชนิดมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป

น้ำยาแอร์ดัชนีวัดการทำลายโอโซนดัชนีชี้วัดผลกระทบภาวะโลกร้อนประสิทธิภาพการทำความเย็น
R220.051810100
R410A02090141
R320675160


        น้ำยา R22 เป็นน้ำยารุ่นเก่าที่สุดในบรรดาน้ำยาแอร์ทั้งหมด มีค่าดัชนีวัดการทำลายโอโซน 0.05 หมายความว่า R22 นั้นสามารถทำลายโอโซนในชั้นบรรกาศโลกได้ ทำให้รัฐบาลไทยสั่งให้เลิกใช้น้ำยาตัวนี้ในอนาคต แอร์หลายๆ ยี่ห้อกำลังเปลี่ยนจาก R22 เป็นรุ่นอื่นแทน แต่สำหรับแอร์ที่ยังใช้น้ำยา R22 อยู่ เช่นแอร์ขนาดใหญ่ต่างๆ ยังใช้ R22 ได้เหมือนเดิม ข้อดีของ R22 คือ เวลาที่น้ำยาแอร์ขาด สามารถเติมน้ำยาแอร์เข้าไปได้เลย
         หลังจากพบว่าน้ำยา R22 ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศได้ ทั่วโลกเปลี่ยนมาใช้น้ำยาแอร์ R410A ที่มีค่าดัชนีวัดการทำลายโอโซน เป็น 0 ซึ่งไม่ทำลายโอโซนเลย แต่ค่าดัชนีชี้วัดผลกระทบภาวะโลกร้อนกลับสูงกว่าของ R22 ซึ่งก็คือมีผลให้เกิดสภาวะโลกร้อนกว่า R22 อีก และข้อเสียอีกอย่างคือเวลาเติมน้ำยาจะต้องเอาน้ำยาเก่าออกให้หมดก่อน แล้วจึงเติมเข้าไปใหม่ทั้งหมด
         เมื่อ R410A ไม่เป็นตามคาดก็ทำให้เกิดน้ำยาตัวใหม่ขึ้นคือ R32 เป็นน้ำยารุ่นใหม่ล่าสุด ที่ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศโลกและทำให้เกิดภาวะโลกร้อนน้อยกว่าน้ำยา R410A ถึง 3 เท่า อีกทั้งค่าประสิทธิภาพทำความเย็นสูงกว่าทั้ง R22 และ R410A ทำให้แอร์ของเราเย็นเร็วกว่าและประหยัดไฟกว่าด้วย โดยจากการเปรียบเทียบราคาน้ำยาแอร์ R32 นั้นจะถูกกว่า R410A ในเวลาที่น้ำยาแอร์ขาดก็ สามารถเติมน้ำยาแอร์เข้าไปได้เลย โดยไม่ต้องเอาน้ำยาเก่าออกก่อน แต่ข้อเสียคือติดไฟได้เล็กน้อย ต่างจากน้ำยาตัวอื่นๆ ที่ไม่ติดไฟ ทำให้มีการนำ R32 นำมาใช้ในแอร์ขนาดเล็กที่ต่ำกว่า 24000 บีทียู

อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอร์เข้าไปที่ http://www.networkcooling.com เขามีข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแอร์แต่ละรุ่นอีกมากมาย และถ้าอยากได้เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเข้าไปได้ที่ บทความแอร์ ความรู้แอร์อยู่ที่นี่แล้ว

วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตอน 3 : ทำไมแอร์ไม่เย็นนะ!


หลายคนๆ กลับมาจากข้างนอกเข้าบ้านมาก็เปิดแอร์ให้หายร้อน แต่ดั๊นเปิดแล้วไม่เห็นจะเย็นเลย มีลมเปล่าๆ บ้าง ไม่มีลมบ้าง เป็นที่อะไรละนี่ ทำไงดี....

ปัญหา 1 : ขนาดแอร์อาจไม่เพียงพอกับห้อง ก็ห้องอยากได้แอร์ขนาด 18000 บีทียู แต่เราเลือกอยู่ 15000 บีทียู แล้วแบบนี้จะเย็นไหมละ แอร์ตัวเล็กจะไปสู้กับงานหนักได้อย่างไร แบบนี้ไม่ได้ ทางที่ดีคือกั้นห้องซะ หรือเปลี่ยนแอร์ไปเลย

ปัญหา 2 : เลือกขนาดแอร์กับขนาดห้องพอดีไป อ่าว! ทำไมหละ ก็อุตส่าห์เลือกถูกแล้ว ห้องอยากได้แอร์ขนาด 24000 ก็เลือก 24000 บีทียูแล้วไง...ถ้าเลือกตรงเป๊ะ แต่ลืมคำนวณแดดส่อง เปิดประตูเจอลมร้อนบ่อยๆ 24000 ก็เอาไม่อยู่นะ ต้องเผื่อบีทียูมาเป็น 30000 หรือ 36000 บีทียูตามความเหมาะสมด้วย (บทความ : คุณเลือกขนาดบีทียูแอร์ผิดหรือเปล่า?!)

ปัญหา 3 : ตั้งค่าอุณหภูมิผิด ผิดยังไง? หากอากาศนอกห้องมีอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส แล้วเราไปตั้ง 26-27 เรื่องไม่ทำงานแน่นอนเพราะอากาศมันเย็นแล้ว เราต้องตั้งอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมินอกห้องเช่น 23-24 องศาเซลเซียส เครื่องก็จะทำงานให้เย็นช่ำแน่นอน

ปัญหา 4 : ไม่ได้ล้างแอร์ การใช้งานแอร์อย่างเดียวโดยไม่คิดจะล้างเลยไม่ได้เด็ดขาด เพราะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ จะเข้ามาอุดตันแอร์ของเราทำให้สกปรกและแอร์ทำงานด้อยประสิทธิภาพลง ยิ่งเป็นร้านอาหารหรือร้านค้าที่มีควันและฝุ่นมากๆ ด้วยแล้ว ควรล้างทุกๆ 2-3 เดือนเลย เพื่อความเย็นสบายในห้อง (บทความ : วิธีการดูแลรักษาแอร์แบบง่ายๆ)

ปัญหา 5 : ท่อน้ำยารั่วหรือฟินคอยล์ผุหรือเปล่า? การที่แอร์ใช้งานมานานทำให้แอร์อาจมีปัญหาเช่นท่อน้ำยารั่ว ฟินคอยล์ผุกร่อน หรือปัญหาอื่นๆ ต้องให้ช่างแอร์มาตรวจอีกทีว่าสาเหตุเกิดจากอะไรและแก้ไขให้เรียบร้อย

บทความน่ารู้เกี่ยวกับแอร์ยังมีอีกเยอะตามไปได้ที่ บทความเกี่ยวกับแอร์ และถ้าสนใจสินค้าแอร์เข้าไปดูได้ที่ เน็ตเวิร์กแอร์ ขายแอร์ทุกประเภทเลย




วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตอน 2 : มารู้จักกับแอร์ INVERTER กัน




แอร์ระบบ INVERTER หลายคนคงได้ยินมากเยอะมาก

แน่นอนค่ะ เพราะเป็นระบบที่ช่วยประหยัดไฟที่สุดแล้วจากบรรดาแอร์

ที่ระบบนี้ช่วยประหยัดไฟได้ถึง 30-40% เนื่องจากระบบนี้ไม่มีการตัดกระแสไฟฟ้าหลังจากที่แอร์ทำความเย็นถึงอุณหภูมิที่เซ็ตไว้ ต่างจากแอร์ทั่วไปที่เมื่อทำความเย็นจนถึงที่ตั้งไว้แล้วระบบจะตัด และเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น คอมเพรสเซอร์ก็จะเปิดทำงานอีกครั้ง ซึ่งการที่คอมเปิดขึ้นมาใหม่จะดึงไฟไปทำงานเยอะทำให้ทุกครั้งที่อุณหภูมิห้องสูงขึ้นกว่าที่เซ็ต คอมก็จะดูดกระแสไฟไปเรื่อยๆ นั่นเอง วิธีของแอร์ทั่วไปนี้จะทำให้แอร์ของเรามีอายุน้อยกว่าพวกระบบ INVERTER

เห็นข้อดีของระบบ INVERTER แล้วก็ลองไปดูได้ค่ะว่าเจ้าระบบนี้มีในรุ่นไหนบ้าง ศูนย์รวมเครื่องปรับอากาศทุกชนิด หรือจะดูโปรโมชั่นของแอร์ INVERTER ก็เข้าไปที่ โปรโมชั่นแอร์ INVERTER

เครดิตรูป : http://www.kingersons.com/

วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ตอน 1 : ทำความรู้จักกัน


ฝากเว็บใหม่ในอ้อมใจด้วยนะคะ 💕https://www.networkaircool.com

สวัสดีค่ะ วันนี้เพิ่งจะสร้างบล็อกเพิ่ม เอาไว้เป็นความรู้เกี่ยวกับแอร์ ที่ไม่ใช่แอร์โฮสเตทนะ แต่เป็นแอร์ เครื่องปรับอากาศค่ะ อยากถามเรื่องแอร์โฮสเตทก็ได้นะ มีความรู้อยู่บ้าง เอาหละ วันนี้จะยังไม่อัพความรู้นะคะ เราจะมาเล่าไปเรื่อยเปื่อยแทนนะ

เราจะมาพูดคุยเล่าเรื่องเกี่ยวกับแอร์ก็เพราะเราเพิ่งเปิดเว็บขายแอร์ ซึ่งเป็นคนที่คลุกคลีกับแอร์มานานมาก แต่ไม่เคยจะรู้เลยว่าทำงานยังไง ระบบเป็นยังไง แบบไหน จนกระทั่งต้องมาทำเว็บเอง อัพเดตรายละเอียดเอง ต้องคอยหาความรู้จากเว็บ จากพี่ที่ขายมานาน ไม่เคยคิดเลยว่าจะมาทำ จริงๆ นะ 555 เรามันเด็กคอม เรื่องขาย เรื่องพูด ไม่ใช่แนวถนัดเลย เลยต้องมาสถิตอยู่ตามเว็บนะคะ

โดยปกติเราจะชอบเล่าเรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว ตั้งแต่ของกิน ร้านอาหาร เที่ยว ชีวิต คราวนี้ก็เลยจะมาบอกเล่าเกี่ยวกับแอร์บ้าง เรื่องแอร์จะออกแนวๆ ช่าง ซึ่งจริงๆ ไม่ถนัดเลย แต่พอนั่งฟังพี่อธิบายก็อ่อๆ แล้วเป็นไงต่อ สนุกดีเหมือนกัน

เรื่องเล่าของเราจะเป็นแบบเล่าให้ฟัง บอกต่อ ไม่ได้วิชาการอะไรมาก ก็ลองอ่านกันดูนะคะ เราพยายามเขียนให้ง่ายและเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน แต่ก็จะลองพัฒนาไปเรื่อยๆ ค่ะ

จริงๆ แล้วเราเขียนเรื่องแอร์ไป 5 บทความแล้วในเว็บเรา บทความเกี่ยวกับแอร์ ลองเข้าไปอ่านได้ ส่วนในบล็อกนี้จะอัพเดตทุกแบบ ทั้งความรู้แบบเนื้อหาสั้นหรือยาวก็อัพหมดค่ะ

สุดท้ายของฝากเว็บหลักของเรา ใครอยากซื้อแอร์บ้าน แอร์ตั้งแขวน แอร์เปลือย แอร์เคลื่อนที่ อีกหลายแอร์ก็ตามกันมาได้นะคะ ยินดีบริการ เน็ตเวิร์กแอร์

ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ :)